วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

สุดสยอง!! 10 อันดับ สถานที่สุดเฮี้ยนในประเทศไทย

สุดสยอง 10 อันดับสถานที่น่ากลัวที่สุดในประเทศไทย แต่ละที่รับประกันได้เลยเฮี้ยนสุดๆ ใครใจไม่แข็งจริง อย่าได้ย่างก้าวไปใกล้สถานที่เหล่านี้เด็ดขาด

10. บ้านผีโหด อ.บางเลน จ.นครปฐมเกิดเหตุทะเลาะวิวาทฆ่ากันตายิงลูกเขยเสียชีวิตลง แล้วนำศพไปทิ้งไว้ในบ่อหลังบ้าน ปัจจุบันยังคงมีคราบเลือดที่ขอบกำแพง



9. บ้านผีท่านขุน จ.อยุธยาเป็นบ้านไม้สักเก่าสมัย ร.5 หลังจากที่เจ้าของบ้านเสียชีวิต บ้านหลังนี้ก็กลายเป็นบ้านร้าง วันหนึ่งมีชาวบ้านพายเรือผ่านมา เห็นมีผู้หญิงอยู่บนเรือนแต่งชุดโบราณสมัย ร.5 เคยมีคนมาลองของที่บ้านหลังนี้ก็เจอดีกันทุกคน จนต้องมาขอขมากราบไหว้กัน



8. บ้านผียายสรวง จ.อยุธยาหญิงชราเจ้าของบ้าน ผู้ชอบกินหมาก ได้เสียชีวิตลงภายในบ้าน พร้อมกับโลงศพที่พบภายในบ้านจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนแถวนั้นยังคงได้ยินเสียงคนแก่พูด และเสียงตำหมากอยู่ทุกค่ำคืน



7. บ้านผีนายพล จ.ชลบุรีเป็นบ้านพักตากอากาศชายทะเลที่ครอบครัวนายทหารมาพักผ่อน และถูกฆาตกรรมทั้งครอบครัว ศพทั้งหมดถูกยัดไว้ในห้องใต้ดินของบ้านพักต่างอากาศหลังนี้ มีคนเคยเห็นควันธูปลอยขึ้นมาในบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย



6. บ้าน 4 ศพ จ.ชลบุรีครอบครัวหนึ่งประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก 2 คน เดินทางไปท่องเที่ยว แต่ระหว่างทางประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเสียชีวิตทั้งหมด บ้านหลังนั้นกลายเป็นบ้านร้าง แต่คนที่ผ่านไปมาเห็นเงาคนเหมือนมีคนอยู่ในบ้านอยู่เสมอ และยังเป็นที่พบศพถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา และมีห่วงเชือกผูกเป็นปมมัดอยู่ในบ้างหลังนั้น



5. สุสานศพไร้ญาติ จ.ชลบุรีศพไร้ญาติทั้งหลายเหล่านี้ถูกนำมาขุดหลุมฝัง เป็นสุสานไร้ญาตินับร้อยนับพันขุดเรียงรายกันเป็นทิวแถวยาว หลายๆคนเล่ากันว่าเป็น ฮวงซุ้ยที่นมาก



4. โรงพยาบาลสยอง จ.ระยองด้วยพิษทางเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อน ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ปิดกิจการลงกลายเป็นโรงพยาบาลร้างในที่สุด ในเวลากลางคืนชาวบ้านมักเห็นไฟเปิดสว่างเต็มไปหมด บางคนก็เข้าไปเห็นเตียงนอนคนไข้เข็นเองได้กลายเป็นเรื่องราวชวนสยองเลื่องลือถึงกิตติศัพท์ความน่ากลัวมาถึงปัจจุบัน



3. บ้านผมผี จ.กาญจนบุรีหญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านตัดสินใจลาบวชด้วยความเสียใจที่คนในบ้านตายที่ละคนโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยบ้านทิ้งไว้จนกลายเป็นสภาพบ้านร้าง ชาวบ้านบริเวณนั้นนึกว่าเจ้าของบ้านเสียชีวิตไปแล้ว จึงเข้าไปดูในบ้าน ปรากฏว่าเส้นผมเต็มไปหมด บางคนก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในบ้าน



2. บ้านผีมอญ จ.กาญจนบุรีคู่สามี-ภรรยาเจ้าของบ้านเป็นคนมอญที่มีนิสัยหวงของมาก จะดุด่าคนที่แอบมาขโมยผลไม้ในสวน ด้วยความที่เป็นคนหวงของและดุด่าเก่งมาก จึงทำให้ ถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่ท้ายสวน วันหนึ่งมีคนเข้ามาเก็บผลไม้ในสวน แกก็ตามไปทวงถึงบ้าน จนคนที่เก็บไปรีบนำมาคืนแทบไม่ทัน นอกจากจากยังมีศพชาวกะเหรี่ยง 9 ศพ ที่ถูกวิสามัญฝังอยู่บริเวณบ้านหลัง ข้างล่างเจ้าของบ้าน



1. สุสานโสเภณี จ.กาญจนบุรีสถานบันเทิงเก่าแก่ของจังหวัด เปิดให้บริการกับผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศได้มาใช้บริการ ที่แห่งนี้มีหญิงบริการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวถูกบังคับให้รับแขกอย่างทารุณ ไม่ได้พักผ่อน บ้างก็ถูกทำร้ายร่างกาย บ้างก็เป็นโรคร้ายจนสุดท้ายหญิงสาวทั้งหมดได้เสียชีวิตลงที่นี้อย่างมากมาย จนเราเรียกได้ว่าเป็น "สุสานโสเภณี" ซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นมักได้ยินเสียงผู้หญิงและเด็กร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเช้าไปดูก็ไม่พบใครเลย

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

ทัศนศึกษา

                                                 ทัศนศึกษา
ทัศนศึกษาครั้งนี้ที่โรงเรียนได้พาไป ที่แรกที่เมืองจำลอง รู้สึกประทับใจ มันมันเหมือนจริงมาก จนแทบไม่ต้องไปดูของจริงเลย และที่สอง อเมซิ่งอาร์ต ภาพเหมือนจริงมากสี่ดีเลย และที่ สาม ที่เซ็นทลั่น ระยอง ได้ไปเล่นเกมรู้สึกสนุกสนานมากกับการทัศนศึกษาครั้งนี่ที่โรงเรียนพาไปมันเป็นความทรงจำดีๆ ที่น่าจดจำ

  

10 เมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกปี 2016

10 เมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกปี 2016

update : 2016-01-24 23:31:00
views : 606
ที่มา : ข้อมูลจาก สำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัย Quacquarelli Symonds (QS) , ที่มา hotcourses.in.th
"การศึกษา" เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆสำหรับทุกคน และหลายคนเลือกที่จะไปเรียนต่อเพื่อเพิ่มพูนความรู้ยังต่างประเทศ เราขอเสนอ 10 เมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกปี 2016 จะมีประเทศไหนบ้างไปชมกันเลย
10.โซล ประเทศเกาหลีใต้
อีกหนึ่งเมืองจากทวีปเอเชียที่ติดอันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในโลก “กรุงโซล” เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งเมืองในฝันของการมาเรียนต่อของนักศึกษาไทย เพราะเป็นเมืองที่ถือเป็นผู้นำด้านแฟชั่นแถวหน้าของเอเชีย บรรยากาศดีและเต็มไปด้วยแสงสีเสียงที่ทันสมัย ส่วนในด้านการศึกษานั้น โซลมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกมากถึง 16 แห่ง นำโดย Seoul National University อยู่อันดับที่ 36 ของโลก นอกจากนี้ยังได้คะแนนสูงในด้านคุณภาพชีวิตของนักศึกษาอีกด้วย
9.เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
กรุงเบอร์ลินเมืองหลวงของประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความคูลระดับแนวหน้าของโลกในด้านศิลปะวัฒนธรรม ผู้นำแฟชั่น ดีไซน์และดนตรี ถือเป็นคู่แข่งที่สูสีมากเทียบกับนครนิวยอร์กและกรุงลอนดอน อีกทั้งเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดอันดับที่ 20 ของโลก รวมทั้งมีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดติดอันดับที่ 12 ของโลก นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เบอร์ลินเป็นเมืองแห่งการศึกษาคือมหาวิทยาลัยรัฐโดยส่วนใหญ่ไม่เก็บค่าเล่าเรียนหรือค่าธรรมเนียมการศึกษา ทั้งกับนักศึกษาท้องถิ่นและนักศึกษาต่างชาติ (อาจมีข้อยกเว้นสำหรับหลักสูตรปริญญาโทบางสาขา) แถมยังมีค่าครองชีพที่ไม่แพงอีกด้วย
8.ฮ่องกง
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางด้านการเงินชั้นนำของโลก เป็นเมืองแห่งการศึกษาระดับแนวหน้าของเอเชียและยังเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดเมืองหนึ่ง แต่ฮ่องกงกลับมีความปลอดภัยสูงมากเป็นอันดับ 21 ของโลก เพราะประชาชนส่วนใหญ่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย มีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับใน QS World University Rankings ทั้งหมด 7 แห่ง นำโดย Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) ติดอันดับที่ 28 ของโลก ถึงแม้ฮ่องกงจะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่เมื่อเทียบค่าธรรมเนียมการศึกษาถือว่าอยู่ในระดับกลาง อีกทั้งเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เมืองไทย มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก ซึ่งจะทำให้นักศึกษาคนไทยสามารถปรับตัวได้ไม่ยากนัก
7.มอนทรีออล ประเทศแคนาดา
มอนทรีออลเมืองหลวงของประเทศแคนาดา หนึ่งในเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 14 ประจำปี 2016 โดยไต่อันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดจากอันดับที่ 8 ของปี 2015 มาเป็นอันดับที่ 7 ในปีนี้ มหาวิทยาลัยชื่อดังคือ McGill University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศแคนาดาและติดอันดับที่ 24 ของโลก คะแนนด้านที่โดดเด่นของมอนทรีออลคือความหลากหลายทางเชื้อชาติจากการอพยพเข้ามาของผู้คนจากทั่วโลก ส่งผลทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกรองจากปารีส สำหรับใครที่มาเรียนต่อที่นี่ไม่ควรพลาดเทศกาลชิคๆของมอนทรีออล เช่น “Montreal International Jazz Festival” และ “Just for Laughs” เทศกาลตลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6.ประเทศสิงคโปร์
หนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียนที่ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่คุณภาพคับแก้ว สิงคโปร์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศศูนย์กลางด้านการศึกษาที่ดีเยี่ยม บัณฑิตชาวสิงคโปร์เป็นที่ต้องการของบริษัทต่างชาติโดยเฉพาะในทวีปเอเชีย มหาวิทยาลัยของสิงคโปร์ที่ติดอันดับโลกได้แก่ National University of Singapore (NUS) และ Nunyang Technological University (NTU) อยู่อันดับที่ 12 และ 13 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง มีอัตราการก่ออาชญากรรมและอัตราการว่างงานต่ำ รวมถึงเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International Score) ส่วนข้อเสียคือค่าครองชีพแพงมาก ๆ เป็นอันดับ 4 ของโลกเลยทีเดียว (อ้างอิงจาก Mercer cost of living rank)
5.ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลอนดอนตกลงมาจากอันดับที่ 3 ในปี 2015 มาเป็นอันดับที่ 5 ในปีนี้ ลอนดอนถือเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง เพราะมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกจำนวนมากที่สุดถึง 19 แห่ง นำโดย UCL (University College London) และ Imperial College London ติดอันดับที่ 7 และอันดับที่ 8 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ตามลำดับ นอกจากความโดดเด่นด้านการศึกษาแล้วยังเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการเงินและอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก และสิ่งที่ทำให้ลอนดอนเป็นเมืองในฝันของนักศึกษาทั่วโลก คงเพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมที่งดงาม ตึกรวมบ้านช่องเก่าแก่ที่สวยงามน่าหลงใหล ส่วนข้อเสียของการมาเรียนต่อที่นี่คือค่าครองชีพและค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ค่อนข้างแพง แต่รับรองว่าทุกบาททุกสตางค์ของคุณจะถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณจะได้รับกลับไปจากการมาเรียนต่อที่เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งนี้
4.ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
นับเป็นเมืองที่สองของประเทศออสเตรเลียที่ติดอันดับ โดยออสเตรเลียนั้นได้อันดับที่ 3 ของประเทศยอดฮิตที่นักศึกษานิยมไปเรียนต่อมากที่สุดในโลก รองจากอเมริกาและอังกฤษ ซิดนีย์ได้คะแนนน้อยกว่าเมลเบิร์นเนื่องจากมีค่าครองชีพและค่าธรรมเนียมการศึกษาที่สูงกว่า แต่นั่นก็ไม่ทำให้นักศึกษาย่อท้อต่อการมาเรียนต่อที่นี่ ด้วยความที่เมืองซิดนีย์มีทัศนียภาพที่งดงาม ได้แก่ ท่าเรือ ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์ และมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมือง รวมทั้งมีชายหาดอันสวยงามให้นักศึกษาได้ไปชิลเอ้าท์กันอย่างสนุกสนาน มีมหาวิทยาลัย 5 แห่งที่ติดอันดับ QS World University Rankings นำโดย University of Sydney ซึ่งติดอันดับที่ 45 ของโลก
3.โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โตเกียวไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 จากอันดับที่ 7 ในปีที่แล้ว เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นที่มีความหนาแน่นของประชากรค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นมหานครที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและบรรยากาศเมืองอันคึกคักที่ดึงดูดให้ผู้คนทั่วโลกเดินทางไปสัมผัส โตเกียวมีมหาวิทยาลัยนานาชาติจำนวนมากถึง 13 แห่งที่ติดอันดับใน QS World University Rankings
2.เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
อดีตเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลียรองจากนครซิดนีย์ ยังคงอยู่ในอันดับที่สองเช่นเดียวกับปี 2015 ได้คะแนนสูงในด้าน ความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษา อัตราการจ้างงานและคุณภาพชีวิต เมลเบิร์นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมและการศึกษา มีชายหาดอันสวยงามให้ไปอาบแดดชิล ๆ กันในหน้าร้อน ส่วนใครที่ชอบท่องราตรี ขอบอกว่าสีสันยามค่ำคืนของที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน การันตีด้วยดีกรีแชมป์อันดับ 1 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ในส่วนของสถาบันการศึกษาชั้นนำ ได้แก่ Australian National University ติดอันดับที่ 19 ของโลกและสถาบันยอดนิยมอย่าง University of Melbourne ติดอันดับที่ 42 ของโลกประจำปี 2015
1.ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
“นครปารีส” ยังคงครองแชมป์ถึง 4 สมัย ในการเป็นอันดับหนึ่งของเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา โดยมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยโลก (QS World University Rankings) มากถึง 18 แห่ง ถึงแม้ปารีสจะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง แต่เมื่อเทียบค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ค่อนข้างถูกแล้ว จึงทำให้นักศึกษาสามารถวางแผนงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการเรียนที่นี่ได้ไม่ยาก ทั้งยังเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดอันดับที่ 29 ของโลก (Global Livability Ranking) ประจำปี 2015 สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงของปารีสคือ “Ecole Normale Supérieure” หรือเรียกย่อกันว่า “ENS Paris” ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของยุโรปที่ผลิตนักศึกษาคุณภาพที่ประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก รวมถึงติดอันดับที่ 23 ของ QS World University Rankings 2015 อีกด้วย

10 เทคโนโลยีจากโลกของภาพยนตร์ ที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นจริง

10 เทคโนโลยีจากโลกของภาพยนตร์ ที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นจริง

update : 2016-01-27 23:24:00
views : 928
ที่มา : ที่มา spokedark.tv
อย่างที่หลายคนรู้เป็นอย่างดี ในภาพยนตร์หลายๆเรื่อง มักจะมี "เทคโนโลยีที่ล้ำๆ" จนหลายคนอดคิดไม่ได้ว่าเทคโนโลยีพวกนี้มันน่าจะมาอยู่ในชีวิตจริงบ้าง และวันนี้เราเอามาชมกันว่ามันมีอะไรบ้างใน 10 เทคโนโลยีจากโลกของภาพยนตร์ ที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นจริง
10.Pauling MedPod 720i (Prometheus 2012)
คงจะดีไม่น้อยหาเวลาเราเจ็บป่วยไม่ต้องไปหาหมอ นี่คือ Pod การแพทย์ที่ครบเครื่องและแม่นยำยิ่งกว่าหมอคนไหน ๆ ในโลก เรียกได้ว่าถ้าเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นจริง มันคงเป็นประโยชน์แก่มนุษย์อย่างมหาศาล
9.Neutralyzer (Men In Black Franchise
มันคืออุปกรณ์สำหรับบุรุษชุดดำผู้ทำหน้าที่ปราบปราม และจับกุมเหล่าเอเลี่ยนนอกคอกในโลกมนุษย์ สรรพคุณของมันคือช่วยลบความทรงจำที่เราไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้นับว่าเยี่ยมมาก!
8.Shared Dreaming (Inception 2010) :
มันคือเทคโนโลยีที่ช่วยบันทึกและแชร์ความฝันจากอีกคน สู่อีกคน โดยมันถูกจำลองไว้ราวกับโลกเสมือนจริงทุกแทบทุกอย่างจนแยกไม่ออกว่าไหนคือความจริงหรือความฝัน
7.Power Exoskeleton (Elysium 2013)
ถึงแม้ว่ามันอาจดูไม่ยอดเยี่ยมเท่า Iron Suit ของ โทนี่ สตาร์ค แต่ในความเป็นจริงแล้วเกราะชนิดนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นจริง มันคือชุดเกราะที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และว่องไวให้ผู้สวมใส่
6.Time Travel Pods (Looper 2012)
มันคือ Pod สำหรับการข้ามเวลาไปยังอดีตหรืออนาคตได้อย่าง ที่ใจต้องการ นี่คือเทคโนโลยีที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันอยากให้มันเกิดขึ้นจริง เพื่อที่เราจะสามารถย้อนกลับไปใน อดีตหรือเดินทางไปดูอนาคตล่วงหน้าได้
5.Hoverboard (Back to Future Franchise)
ดูผิวเผินมันเหมือนสเก็ตบอร์ดทั่วไป แต่ที่จริงแล้วมันคือ สเก็ตบอร์ดไฮเท็คที่สามารถลอยเหนือพื้นดินได้ คงจะสะดวกไม่น้อยหากมันมีจริงในโลกของเรา รถติดเรอะ..ลืมไปได้เลย!!
4.Transporter (Star Trek Franchise)
มันคือเทคโนโลยีระดับสูงที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้คนไปยังจุดที่ต้องการได้ดังใจ หากมันเกิดขึ้นจริงในโลกของเราคงนับได้ว่าเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของมนุษยชาติกันเลยทีเดียว
3.Lightsabers (Star Wars Franchise)
ไลท์เซเบอร์คือดาบเลเซอร์ของเหล่าอัศวินเจไดและซิธ ในมหากาพย์ภาพยนตร์สงครามจักรวาล ด้วยประสิทธิภาพของมันทำให้เราเชื่อว่ามันจะเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพ ในโลกปัจจุบันได้อย่างแน่นอน
2.Headjack (The Matrix Franchise)
มันคือหัวแจ็คเสียบตรงท้ายทอยของมนุษย์เพื่อเชื่อมต่อไปยังโลกจำลองของ Matrix ที่ทุกอย่างคล้ายคลึงกับโลกปัจจุบันของเราไม่มีผิด
1.J.A.R.V.I.S (Marvel Cinematic Universe)
มันคือระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ โทนี่ สตาร์ค อย่างซื่อสัตย์ ด้วยความสามารถที่ราวกับเป็นผู้ช่วยชั้นดีของคุณ นั่นหมายถึงคุณย่อมเบาแรงในการทำงานขึ้นมาก

10 อันดับสุดยอดรถมินิ MPV ที่ดีที่สุดที่จำหน่ายในตลาดรถยนต์

10 อันดับสุดยอดรถมินิ MPV ที่ดีที่สุดที่จำหน่ายในตลาดรถยนต์

update : 2016-01-27 23:43:00
views : 308
ที่มา : ที่มา siaminside.com
รถมินิ MPV เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเลือกที่จะเป็นรถครอบครัวเพราะนอกจากจะมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางแล้วตัวถังรถยังมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ปัจจุบันมีรถหลากหลายแบบให้เลือกใช้และหลายยี่ห้อก็แข่งขันกันเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกในแบบและสไตล์ที่ชอบ และนี่เป็นรถ 10 อันดับรุ่นที่นิยมในท้องตลาดรถมินิ MPV
10. Fiat 500L
ภายในห้องโดยสารและส่วนของสัมภาระกว้างขวาง ภายในไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่
9.Peugeot 2008
ภายในหรูหราวัสดุคุณภาพดีกว่ารุ่นยี่ห้ออื่นๆ เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล
8.Nissan Note
ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร แบบเดียวกับที่ใช้ใน Renault และเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร มาพร้อมกล้องมองหลังขณะถอยและการเตือนจุดบอด
7.Vauxhall Meriva
สร้างบนพื้นฐานเดียวกับรุ่น Corsa แต่มีขนาดใหญ่กว่า เช่นเดียวกับ Ford B-Max แต่ราคาค่อนข้างสูงเพราะภายในใช้วัสดุอย่างดี เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร
6.Citroen C3 Picasso
ความโดดเด่นคือรูปทรงเหลี่ยมที่ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารและห้องสัมภาระกว้างมากขึ้น มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
5.Mercedes B-Class
เป็นรถที่มีคุณภาพดีรุ่นหนึ่งในคลาส MPV ก็ว่าได้ ภายในหรูหรา มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
4.Ford Tourneo Connect
ลักษณะรูปทรงดูแล้วเหมือนรถแวนมากกว่าภายในดูเหมือน Fiesta แต่ใช้วัสดุที่ถูกกว่า
3.BMW 2 Series Active Tourer
เรียกได้ว่าเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้การขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันและแรง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.6 วินาที
2.Volkswagen Golf SV
จะมีขนาดและพื้นที่ภายในที่กว้างกว่ารุ่น Volkswagen Golf เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบรูปทรงของ Golf แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในที่มากขึ้น
1.Ford B-Max
ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคฟอร์ดจึงตัดสินใจสร้างรถ MPV ขึ้นโดยใช้ชื่อรุ่นว่า B-Max โดยใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Fiesta โดดเด่นด้วยประตูหลังเป็นแบบสไลด์

10 บิ๊กดีลลีกจีนช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาว

10 บิ๊กดีลลีกจีนช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาว

update : 2016-01-28 23:06:00
views : 77
ที่มา : ที่มา Goal.com
จากข่าวการย้ายสู่แดนมังกรเป็นว่าเล่นของบรรดาแข้งดังระดับท็อป เราขอสำรวจว่าใครคือนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุด จะมีใครย้ายไปไหน ราคาเท่าไหร่บ้างไปชมกันเลยในหัวข้อ 10 บิ๊กดีลลีกจีนช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาว
10.RALF Corinthians
RALF ย้ายจาก Corinthians ไป Beijing Guoan ด้วยค่าตัว 700,000 ปอนด์
9.RENATO AUGUSTO
RENATO AUGUSTO ย้ายจาก Corinthians ไป Beijing Guoan ค่าตัว 5.60 ล้านปอนด์
8.GIL
GIL ย้ายจาก Corinthians ไป Shandong Luneng ด้วยค่าตัว 5.95 ล้านปอนด์
7.SUN KE
SUN KE ย้ายจาก Jiangsu Suning ไป Tianjin Quanjian ด้วยค่าตัว 6.44 ล้านปอนด์
6.GEUVANIO
GEUVANIO ย้ายจาก Santos ไป Tianjin Quanjian ด้วยค่าตัว 7.70 ล้านปอนด์
5.BI JINHAO
BI JINHAO ย้ายจาก Henan Jianye ไป Shanghai Shenhua ด้วยค่าตัว 7.79 ล้านปอนด์
4.FREDY GUARIN
FREDY GUARIN ย้ายจาก Inter ไป Shanghai Shenhua ด้วยค่าตัว 9.10 ล้านปอนด์
3.ELKESON
ELKESON ย้ายจาก Guangzhou Evergrande ไป Shanghai SIPG ด้วยค่าตัว 12.95 ล้านปอนด์
2.GERVINHO
GERVINHO ย้ายจาก Roma ไป Hebei China Fortune FC ด้วยค่าตัว 13.7 ล้านปอนด์
1.RAMIRES
RAMIRES ย้ายจาก Chelsea ไป Jiangsu Suning ด้วยค่าตัว 18.9 ล้านปอนด์